วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวที่ 4

อ.เจษฎาเตือน! สารเคมีจากเคสมือถือ
กลิตเตอร์อาจเสี่ยงผิวหนังไหม้-พุพอง

           
            มีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า เด็กหญิง 9 ขวบ เกิดเหตุของเหลวจากเคสโทรศัพท์มือถือรั่วไหล สัมผัสบนผิวหนังขณะนอนหลับทับเคส ตื่นเช้ามาพบรอยไหม้ และพุพอง เเละนอกจากนี้ 
ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังเตือนว่าหากผิวหนังสัมผัสของเหลวภายในเคสมือถือ ให้รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่ามากๆ เพื่อป้องกันผิวหนังพุพองจากสารเคมี แม้ว่าจะยังไม่เคยมีรายงานอันตรายลักษณะนี้ในไทย แต่ในต่างประเทศมีคนเจอแล้วหลายราย ทั้งในอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ จนเชื่อได้ว่าน่าจะเรื่องจริง ที่สำคัญที่ ไม่มีการเขียนเตือนไว้เลยที่กล่องสินค้า ว่าให้ระวังอันตรายจากสารเคมี แต่เท่าที่ลองซื้อมาจากร้านค้าทั่วไป แล้วเจาะเอามาทดสอบง่ายๆ พบว่า ของเหลวในนั้น มันมีกลิ่นฉุนรุนแรง นิ้วแตะๆ ดูแล้วรู้สึกร้อน ลองเอาไปเทราดเนื้อไก่ไว้ พบว่าเนื้อไก่เปื่อยยุ่ยใน 10 นาที จึงน่าจะฟันธงได้ว่า มันเป็นสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายได้จริงๆ ถ้ารั่วซึมออกมา

ความคิดเห็น : การใช้เคสมือถือกลิตเตอร์แบบนี้จึงควรระวังเป็นอย่างมาก อย่าไปทำให้มันแตกรั่วซึม ถ้าสัมผัสร่างกาย ให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าเยอะๆๆ

ที่มา : Sanook

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวที่ 3

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ

         
            ลิปสติกที่จะขอกล่าวถึงในที่นี้คือลิปสติกที่ถูกเติมแต่งด้วยสีสันอันฉูดฉาด เน้นเติมเสน่ห์เรียวปากให้ดูดี แต่ทว่าในความงามนี้กลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะบางยี่ห้อปนเปื้อนอยู่ด้วยสารเคมีอันตรายอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวตามมาได้ ยิ่งสีสด ติดทนนาน ยิ่งเสี่ยงอันตราย ยิ่งสีสดแค่ไหน ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น แถมบางยี่ห้อยังเคลมอีกด้วยว่าเป็นลิปสติกที่ติดทนนาน หารู้ไม่ว่ามันเต็มไปด้วยสารเคมีที่ไม่ควรสัมผัสถูกผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น สารกันบูดที่มักผสมอยู่ในเครื่องสำอางทั่วๆ ไป, พาราเบน, เมธอะคริเลท, สารตะกั่วปนเปื้อน และไตรโครซาน ฯลฯ สารเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบฮอร์โมน เข้าไปรบกวนการทำงานของสมอง กล้ามเนื้อ และอัตราการเต้นของหัวใจ ทางที่ดีสาวๆ ควรหลีกเลี่ยงการทาลิปสติกสีเข้ม และหันมาทาลิปมันที่ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว 
ความคิดเห็น : ความสวยเป็นสิ่งที่ดี เเต่ก็อย่าใช้ให้มันเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายตัวเราเอง
ที่มา : Sanook

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวที่ 2

กินเจระวัง! ผัก 10 ชนิดที่สารเคมีตกค้าง


     ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การกินผักเป็นเรื่องที่มีผลดีต่อสุขภาพ  แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือปัญหาการตกค้างของสารเคมีในผักที่อาจเข้าไปสะสมในร่างกาย และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคต่างๆ เนื่องจากการเพาะปลูกของประเทศไทยในหลายพื้นที่ยังคงมีการใช้สารเคมีเพื่อกำจัดศัตรูพืช และยังมีการตรวจพบการตกค้างของสารเคมีอยู่ในพืชผักอยู่เสมอ โดยเฉพาะผักสด 10 ชนิดที่มีการตกค้างของสารเคมีในปริมาณที่สูง ได้แก่ 1. กวางตุ้ง 2. คะน้า 3. ถั่วฝักยาว 4. พริก 5. แตงกวา 6. กะหล่ำปลี 7. ผักกาดขาวปลี 8. ผักบุ้งจีน 9. มะเขือ 10. ผักชี อีกทั้งยังมีการตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไลและเชื้อซาลโมเนลลา เป็นเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษ ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า ก่อนกินหรือนำผักมาปรุงอาหาร ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง ให้ล้างผ่านน้ำก๊อกที่ไหลนาน 2 นาที หรือแช่ในน้ำผสมเกลือ หรือน้ำผสมน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้นาน 10-15 นาที หรือแช่ในน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 กะละมัง หรือน้ำประมาณ 4 ลิตร จากนั้นนำผักมาล้างน้ำสะอาดอีก 2-3 ครั้ง

ความคิเห็น : ผักเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เเต่ก็มีโทษเรื่องสารเคมีเเฝงอยู่ ฉะนั้นก่อนรับประทานเราควรล้างน้ำให้สะอาดเสียก่อน

ที่มา : Sanook

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ข่าวที่ 1

รู้หรือไม่ ? ใครชอบแต่งหน้า 
เสี่ยงสะสมสารเคมี 2 กิโลต่อปี
       
            ปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้า และยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คลิกเดียวสาวๆ ก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมาย ทำให้สามารถแต่งหน้าได้หลากหลายและสนุกยิ่งขึ้น โดยเลือกสไตล์การแต่งหน้าได้ตามแบบที่แต่ละคนชื่นชอบรู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90% ซึ่งถ้าหากสาวๆ ไม่ดูแลปกป้องผิวหน้ากันอย่างดีแล้ว นอกจากจะได้ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเป็นของแถมแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งก่อเกิดมะเร็งได้ ประเด็นนี้คุณหมอโทนี่ วรพล สุขีวัฒนา ย้ำว่า การแต่งหน้าเยอะทุกวันทำให้ผิวหน้าได้รับออกซิเจนน้อยลงทำให้เซลล์เสื่อม และดูมีอายุก่อนวัย ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนอน ดังนั้นยิ่งผู้หญิงยิ่งแต่งหน้าหนามากเท่าไหร่ จะยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการดูแก่ก่อนวัยและผิวหมองคล้ำมากขึ้นเท่านั้น

ความคิดเห็น : การรักสวยรักงามเป็นสิ่งที่ดี เเต่ก็ควรทำให้มันอยู่ในขอบเขต อย่าให้ความสวยทำร้ายตัวคุณเอง

ที่มา : Sanook

ข่าวที่ 13

สารเคมีรั่วในสระว่ายน้ำ หามเด็กส่ง รพ. นับสิบราย             เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพต้องระดมกำลังมาช่วยเหลือเด็กนักเรียนกว่า 20 คน ที่...